บริษัท ชัยรัชการ (กรุงเทพ) จำกัด
ส่วนที่ 1 : ข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมเป็นการเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามนโยบายนี้ ให้รวมถึง
1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องใดๆ ในธุรกิจของบริษัทฯ เช่น ชื่อ – นามสกุล รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์ เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร ลายเซ็น ทะเบียนรถยนต์ หรือ ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใด ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำธุรกรรมร่วมกันหรือตามที่กฎหมายกำหนด (เพื่อความกระชับ คำว่า ลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน หรือบุคคลภายนอกผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ ต่อไปนี้จะรวมกันเรียกว่า “ลูกค้า”)
2. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปของพนักงาน เช่น ชื่อ - นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร รูปถ่าย ลายเซ็น ลายนิ้วมือ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์ เฟสบุ๊ค วุฒิการศึกษา ชื่อบิดา มารดา คู่สมรส ข้อมูลในใบสมัครงาน หรือข้อมูลอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ในการจ้างงาน การบริหารงาน หรือตามที่กฎหมายกำหนด 3. ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทั้งของลูกค้าหรือของพนักงาน เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพความพิการ ลักษณะร่างกายส่วนบุคคล ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ลักษณะเด่นทางกายภาพ หรือข้อมูลอ่อนไหวอื่นใดที่กฎหมายกำหนด ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน หรือทำธุรกรรมร่วมกัน หรือตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ 2 : วัตถุประสงค์และขอบเขตการใช้ข้อมูล
บริษัทฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือของพนักงาน
1. ตามความจำเป็นในการบริหารงาน
2. ตามสัญญาที่มีต่อกัน
3. ตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
4. ตามประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามนโยบายนี้ ให้รวมถึง
ข้อมูลส่วนบุคคลทางตรง
1. ชื่อ - นามสกุล
2. เบอร์โทรศัพท์มือถือ
3. ID Line
4. อีเมล
5. เลขที่บัตรประชาชน / ใบขับขี่
6. ทะเบียนบ้าน
7. เลขที่บัญชีธนาคาร
8. ทะเบียนรถยนต์
วัตถุประสงค์การใช้งาน
- เพื่อเรียกชื่อ ติดต่อ สื่อสารกันได้ถูกต้อง
- เพื่อติดต่อโดยตรง สะดวก รวดเร็ว ในกรณีจำเป็น
- เพื่อสื่อสารแบบลายลักษณ์อักษร โดยผู้รับสามารถอ่านหรือติดต่อกลับเมื่อสะดวก
- เพื่อส่งเอกสารผ่านระบบออนไลน์
- เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมต่างๆ
- เพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ
- เพื่อดูแลความปลอดภัยขณะอยู่ในพื้นที่บริษัทฯ
ข้อมูลหรือเอกสารที่จำเป็นใช้งานและอาจเป็นข้อมูลทางอ้อมที่จะนำไปสู่การรู้ตัวตนของลูกค้าเจ้าของข้อมูล
9. หนังสือรับรองบริษัทที่มีชื่อกรรมการผู้จัดการ
10. เลขประจำที่ผู้เสียภาษี (ภพ.20)
11. ชื่อบริษัท
12. ที่อยู่ ที่ตั้งบริษัท
13. เบอร์โทรสำนักงาน
14. โทรสาร
15. ข้อมูลส่วนบุคคลหรือเอกสารอื่นใด ที่จำเป็นต้องใช้งาน
ข้อ 9,10,11,12 เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมต่างๆ ตามที่หน่วยงานราชการ และ/หรือกฎหมายสรรพากรกำหนด
ข้อ 13 เพื่อติดต่อประสานงาน
ข้อ 14 เพื่อติดต่อประสารงานทางเอกสารแบบสะดวกและรวดเร็ว
ข้อ 15 เพื่อให้การทำธุรกรรมร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และลูกค้าสะดวก ครบถ้วนและถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
โดยจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นในการทำธุรกรรมร่วมกัน หรือตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด โดยรวมถึงสำนักงาน สาขา บริษัทในเครือ บริษัทคู่ค้า หรือ หน่วยงานอื่นใดที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าว ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ (ถ้ามี) ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยจะเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยอย่างเป็นความลับเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเจ้าของข้อมูล
ส่วนที่ 3 : อายุการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือของพนักงานที่ใช้ในการทำงาน หรือทำธุรกิจร่วมกัน จะเก็บไว้ตลอดเวลาที่ใช้งาน ข้อมูลที่สำคัญจะเก็บต่อเนื่องหลังจากพ้นสภาพไปแล้วไม่เกิน 10 ปี โดยเก็บไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือเป็นเอกสาร”ไว้ในที่ที่ปลอดภัย
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่ไม่ใช้งาน เช่น ใบสมัครงานที่ไม่รับเข้าทำงาน หรือใบเสนอราคา ที่ไม่มีการซื้อขายต่อกันจะเก็บไว้ไม่เกิน 3 เดือน จะทำลายโดยการย่อยหรือ เผาทำลายหรือวิธีอื่นใด เพื่อป้องกันการนำมาใช้ผิด
3.3 ข้อมูลใดที่เก็บไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่มั่นคง ปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้ถูกต้องตามจริงแล้ว บริษัทฯ อาจทำลายข้อมูล ที่เป็นกระดาษก็ได้เพื่อไม่ให้เป็นภาระ ไม่ซ้ำซ้อน ในการจัดเก็บ
3.4 ข้อมูลที่ใช้งานทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือของพนักงาน หากจะมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข บริษัทฯ จัดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำการทบทวน อนุมัติก่อนการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่คุ้มครองไว้นั้นได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยอย่างมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูล
3.5 ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (ตามมาตรา 26) หากจะมีการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือเปลี่ยนแปลง ตามความจำเป็นในการบริหารงาน หรือตามกฎหมายกำหนด บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งและใช้อย่างระมัดระวังเป็นความลับ
3.6 ระหว่างเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล บริษัทฯ กำหนดให้มีการตรวจสอบเป็นระยะ และให้มีการทบทวน ปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันทั้งระบบ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือในกรณีที่มีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือกฎหมายประกาศเพิ่มเติม หรือเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง บริษัทฯ จะทบทวน ปรับปรุง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการคุ้มครองตามนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 4 : สถานที่เก็บและผู้เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 บริษัทฯ จะเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลในคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อื่นใดที่มีความมั่นคง ปลอดภัย และจัดให้ผู้ใช้งานมี Password หรือรหัสลับเฉพาะคนเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลมีการเก็บรักษาที่มั่นคง ปลอดภัย
4.2 กรณีที่เก็บเป็นเอกสาร สถานที่เก็บจะจัดให้มีการล็อคกุญแจที่มั่นคง ปลอดภัย และกำหนดผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะคน
ส่วนที่ 5 : การมอบหมายให้บุคคลภายนอกประมวลผลให้ หรือการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
5.1 ในกรณีที่
5.1.1 บริษัทฯ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือของพนักงานไปให้บุคคล หรือหน่วยงานภายนอก ดำเนินตามข้อตกลง
5.1.2 บริษัทฯ มอบหมายให้บุคคล องค์กรอื่นใดทำการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลให้
5.1.3 ลูกค้าที่รู้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือของพนักงานขณะติดต่องานกันบริษัทฯ จัดให้มีข้อตกลงให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกนั้น เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย และคุ้มครองข้อมูลให้มั่นคง ปลอดภัยตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
5.1.4 การส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวไปหน่วยงานภายนอก หรือส่งไปต่างประเทศ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมข้อมูลในนามนิติบุคคล (กรรมการผู้จัดการใหญ่) และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความเห็นร่วมกัน และปฏิบัติตามกฎหมายก่อนทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยงานภายนอก หรือประเทศปลายทางมีการคุ้มครองที่มั่นคง ปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ 6 : ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงแต่งตั้งให้พนักงานผู้มีตำแหน่งต่อไปนี้ ปฏิบัติตามนโยบาย และหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1. กรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในนามนิติบุคคล
2. ผู้แทนฝ่ายบริหารในระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่จัดทำและบริหารระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้อง กับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
3. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นผู้เสนอแนะ ตรวจสอบ ประสานงาน ควบคุม เพื่อให้ระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สอดคล้องกับกฎหมาย เป็นความลับและดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ผู้จัดการฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
5. ผู้จัดการ / หัวหน้างานทุกหน่วยงาน เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือของลูกค้าที่หน่วยงานตนเองใช้งาน
6. พนักงานทุกคน เป็นผู้เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองใช้งานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
7. ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรักษาไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ทั้งหมดของบริษัทฯ ให้มีความมั่นคง ปลอดภัย/span>
8. คณะทำงานระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้จัดทำรายละเอียดของระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยบริหารจัดการให้สอดคล้องกับกฎหมายน
ส่วนที่ 7 : สิทธิของเจ้าของข้อมูล
บริษัทฯ ให้ความเคารพสิทธิ ของเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างสูงและจัดให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิดังต่อไปนี้
7.1 กรณีที่เจ้าของข้อมูลเห็นว่าตนจะเสียหาย หรือเอาไปใช้นอกวัตถุประสงค์ เจ้าของข้อมูลมีสิทธิดังนี้
7.1.1 ขอคัดค้าน ขอระงับการใช้
7.1.2 ขอให้ลบออกจากระบบ
7.1.3 ขอถอนความยินยอม
7.1.4 ในกรณีที่เอาข้อมูลของตนมาจากที่อื่น มีสิทธิขอทราบว่าขอมาจากแหล่งใด
7.2 กรณีที่บริษัทฯ ยังใช้ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้และตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด ยังไม่เกิดความเสียหาย เจ้าของข้อมูลมีสิทธิดังต่อไปนี้
7.2.1 ขอตรวจสอบวิธีการเก็บ การใช้ การเปิดเผยข้อมูล
7.2.2 ขอรับสำเนา หรือ ขอรับการรับรองข้อมูล
7.2.3 ขอให้เปลี่ยนแปลง แก้ไขให้ถูกต้อง
7.2.4 ขอให้โอนข้อมูลไปยังหน่วยงานอื่น
ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าวต้องไม่กระทบกับสิทธิการใช้ข้อมูลของบริษัทฯ ตามขอบเขตและวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ กำหนดไว้ หรือ ตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ 8 : หน้าที่ของเจ้าของข้อมูล
8.1 นำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ตามที่ร้องขอภายในเวลาที่กำหนด
8.2 ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล ให้แจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบทันที หรือภายในไม่เกิน 7 วัน
8.3 ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน หรือของลูกค้าตามหน้าที่โดยสุจริต ห้ามนำไปหาประโยชน์ส่วนตัว หรือห้ามทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหายใดๆ ทุกกรณี
8.4 หากพบเหตุผิดปกติ หรือเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอันอาจทำให้เกิดความเสียหาย ให้แจ้งบริษัทฯ ทราบทันทีเพื่อระงับได้ทันเหตุการณ์
ส่วนที่ 9 : การขอความยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
9.1 ให้ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล แจ้งนโยบายวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลให้ผู้สมัครงานทราบ และยินยอมแต่แรกก่อนการสมัครงาน
9.2 ให้ผู้จัดการ / หัวหน้างาน / พนักงาน แจ้งนโยบายนี้ แจ้งวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลให้ลูกค้าทราบ และยินยอมแต่แรกก่อนทำธุรกิจต่อกัน
9.3 บริษัทฯ จะขอข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง ในกรณีที่จำเป็นต้องขอจากบุคคลอื่น บริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบก่อนการใช้ครั้งแรก หรือภายใน 30 วัน หรือโดยเร็วเท่าที่จะทำได้
9.4 การขอความยินยอมอาจทำเป็นหนังสือ หรือขอความยินยอมโดยผ่านทางสี่ออิเล็กทรอนิกส์ ทางเว็บไซต์ ทางอินเตอร์เน็ตหรือ วิธีการอื่นใดที่เป็นการรับรู้กันโดยชัดแจ้งทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสืออย่างเดียวเสมอไป
ส่วนที่ 10 : การให้ความยินยอม
10.1 ลูกค้าหรือพนักงานที่บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลมาก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ ขอใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิมต่อไปตามปกติ
10.2 ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565
10.2.1 ลูกค้าใหม่ ที่บริษัทฯ แจ้งนโยบายนี้ให้ทราบแล้ว และไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องใดๆ ให้บริษัทฯ ทราบ และตกลงทำธุรกิจร่วมกันถือว่า ลูกค้าใหม่นั้นยินยอมให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำธุรกิจกัน
10.2.2 ผู้สมัครงาน หรือพนักงาน ที่บริษัทฯ แจ้งนโยบายนี้ให้ทราบแล้วและไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องข้อใดๆ ให้บริษัทฯ ทราบ และเขียนใบสมัครงานหรือ ลงนามในสัญญาจ้างงาน ถือว่าผู้สมัครงาน หรือพนักงาน นั้นยินยอมให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งวันแรกที่สมัครงาน
10.2.3 ผู้สนใจทั่วไป ที่บริษัทฯ แจ้งนโยบาย วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลให้ทราบแล้ว และไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องใดๆ ให้บริษัทฯ ทราบถือว่าผู้สนใจนั้นยินยอมให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตั้งแต่วันแรกที่ติดต่อกันสมัครงาน
10.3 การให้ความยินยอมอาจทำเป็นหนังสือ หรือให้ความยินยอมโดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือเป็นคลิปภาพ หรือคลิปเสียง หรือ วิธีการอื่นใดที่เป็นการรับรู้โดยชัดแจ้งทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสืออย่างเดียวเสมอไป
  • ในกรณีที่ท่านตกลงทำธุรกิจใดๆ ร่วมกับบริษัทฯ และไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านให้ บริษัทฯ ทราบถือว่าท่านยินยอมให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลของท่านได้ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้
  • ในกรณีที่ท่านไม่ได้ทำธุรกิจใดๆ กับบริษัทฯ..บริษัทฯ จะไม่ใช้ข้อมูส่วนบุคคลใดๆ ของท่าน
ส่วนที่ 11 : การประชาสัมพันธ์นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
11.1 ให้ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลเผยแพร่นโยบายนี้ ให้ผู้สมัครงาน พนักงานใหม่ และพนักงานประจำทราบ
11.2 ให้ผู้จัดการทุกหน่วยงานเผยแพร่นโยบายนี้ ให้ลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน ที่ตนเองเกี่ยวข้องทราบ
11.3 ให้ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ หรือผู้ได้รับมอบหมาย เผยแพร่นโยบายนี้ทาง Website หรือสื่อ Media ใดๆ ของบริษัทฯ ให้ผู้เกี่ยวข้อง และหรือผู้สนใจทราบ
1.4 กรณีที่เจ้าของข้อมูลประสงค์ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายนี้ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองส่วนบุคคลที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-182-9999 ต่อ 2120 (ในเวลาทำการ)
ส่วนที่ 12 : บทลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมาย หรือผิดนโยบายนี้
ลูกค้า พนักงาน หรือ ผู้ใด นำข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ คุ้มครองไว้
  • ไปใช้ เปิดเผย นอกจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ กำหนดไว้ หรือโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม
  • นำไปหาประโยชน์ส่วนตัว หรือทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย
  • ทำผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
  • ทำผิดนโยบาย หรือระเบียบปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กับนโยบายนี้
บริษัทฯ จะลงโทษถึงขั้นสูงสุด หรือดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนดไว้สูงสุดและให้ชดใช้ความเสียหายเต็มจำนวน
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าชม Website ของเรา

สำนักงานใหญ่ :

02-182-9999

ฝ่ายขาย

สาขาบางนา กม.14

:

สาขาวิภาวดี

:

สาขาบางบัวทอง

:

สาขาพระราม 2

:

สาขาราชบุรี

:

สาขาเชียงใหม่

:

สาขาชลบุรี

:

ศูนย์บริการ

สาขาบางนา กม.14

:

สาขาวิภาวดี

:

สาขาบางบัวทอง

:

สาขาพระราม 2

:

สาขาราชบุรี

:

สาขาเชียงใหม่

:

สาขาชลบุรี

: